การบินไทยชวนบินสบาย ไปได้ตลอดปี! กับ 11 ประเทศทวีปยุโรป สถานที่ท่องเที่ยวเช็คอินสุดชิลล์

หนึ่งในเคล็ดลับการเติมความสุข ผ่อนคลายความเหนื่อยล้า เติมพลังก่อนจะลุยต่อไปข้างหน้ากับภาระ หน้าที่การงานของหลายคน คือการจัดเวลาเดินทางไปท่องเที่ยว ซึ่งหนึ่งในความใฝ่ฝันของหลายๆ คนคือการไปสัมผัสเรื่องราวประวัติศาสตร์ ชื่นชมความสวยงามของศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติแสนอัศจรรย์ซึ่งทั้ง 11 ประเทศในทวีปยุโรป ล้วนมีสถานที่น่าหลงใหลชวนให้บินไปเยือนสักครั้ง และทุกวันนี้การเดินทางไปแถบทวีปยุโรปนั้นแสนง่ายสะดวกสบาย มีไฟล์ทบินทุกวัน และค่าใช้จ่ายไม่สูงมากเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงไม่กี่หมื่นก็ได้ไปเที่ยวชมเดินช้อปฯ แบบชิลล์ๆ กันได้ แต่ก่อนจะแพ็คกระเป๋าเดินทางเราไปดูกันว่า 11 ประเทศในทวีปยุโรปมีสถานที่ท่องเที่ยวไหนบ้างที่ต้องไปเยือนให้ได้!

1.ออสเตรีย (Austria)

ใครที่หลงใหลดนตรีคลาสสิก ศิลปะ ความงดงามแห่งศิลปะ และสถาปัตยกรรม ท่ามกลางบรรยากาศแสนโรแมนติกต้องนึกถึง เวียนนา (Vienna) เมืองหลวงและเมืองใหญ่ที่สุดของประเทศอันขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแสนสะอาดรายล้อมด้วยธรรมชาติและขุนเขา ทั้งเมื่อปี 2014 ยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองที่น่าอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในโลก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวไม่ควรพลาด อาทิ พระราชวังมรดกโลก-พระราชวังเชินบรุนน์ (Schoenbrunn Palace) พระราชวังฤดูร้อนอันยิ่งใหญ่ของราชวงศ์ฮับส์บวร์กสร้างขึ้นปลายศตวรรษที่ 17 หลังจากชมวังสวยๆ กันแล้วควรไปเดินเพลินๆ ที่ จัตุรัสสเตฟาน (Stephansplatz) ศูนย์กลางกรุงเวียนนาผู้คนมากมายนิยมมาเที่ยวที่จัตุรัสแห่งนี้ เพราะเป็นที่ตั้งของ มหาวิหารเซนต์สตีเฟน (St. Stephen) สัญลักษณ์ของเมืองและสำคัญที่สุดของออสเตรีย ด้วยสถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่อ่อนช้อยงดงามมากเมื่อมาถึงเวียนนาจะไม่แวะ บ้านดนตรี (House of Music) นั้นถือว่าพลาด ภายในบ้านดนตรีได้จัดสรรพื้นที่เป็นห้องพิพิธภัณฑ์ทางดนตรีของเหล่าศิลปินชื่อก้องโลกอย่างบีโธเฟ่น (Ludwigvan Beethoven), โมสาร์ต (Wolfgang Amadeus Mozart), โยฮัน สเตราส (Johann Strauss) จากนั้น แวะไปผ่อนคลายที่ สวนสนุกพราเตอร์ (Prater) สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดของออสเตรีย และมีชิงช้าสวรรค์ (Riesenrad) ขนาดยักษ์สูงกว่า 200 ฟุต เป็นชิงช้าสวรรค์ที่อยู่คู่เวียนนามาตั้งแต่ค.ศ.1879 เมื่อขึ้นไปนั่งจะได้ชมวิวกับบรรยกาศที่แสนวิเศษ

2.เบลเยี่ยม (Belgium)

แม้ว่า “เบลเยียม” (Belgium) จะโด่งดังในเรื่องของช็อกโกแลต แต่ประเทศนี้ยังมีมนต์เสน่ห์อีกหลายอย่างรอให้นักท่องเที่ยวได้มาสัมผัสประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 1,000 ปี ประเทศเล็กๆ แห่งนี้แสนสงบ อากาศดี อุณหภูมิเฉลี่ย5-18 องศาเซลเซียส ตลอดปี น่าไปชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมและธรรมชาติโดยเฉพาะ “กรุงบรัสเซลส์” (Brussels) เมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางของสหภาพยุโรปมีคว3.เดนมาร์ก (****Denmark)ามงามเป็นเอกลักษณ์ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยือนไม่ขาดสาย มีไฮไลต์อย่าง ศาลาว่าการกรุงบรัสเซลส์ (Brussels Town Hall) สร้างด้วยสถาปัตยกรรมเเบบโกธิกตั้งแต่ยุคกลางตระหง่านมั่นคงมาถึงปัจจุบัน จุดเด่นอยู่ที่ยอดแหลมของหอแขวนระฆังที่สวยงามมากจัตุรัสกรองด์ปลาส (Grong Plas) สถานที่ท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของเบลเยียมอายุกว่า 400 ปี ถือเป็นจุดดึงดูดให้ทุกกรุ๊ปทัวร์มาเยือน เพราะสวยงามติดอันดับต้นๆของทวีปยุโรป เเวดล้อมไปด้วยอาคารเก่าเเก่สถาปัตยกรรมเเบบบาร็อก, โกธิก เเละนีโอโกธิก เเต่ละอาคารที่โอบล้อม ล้วนสูงตระหง่านสง่างามและขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกตั้งแต่ปี 1983

3.เดนมาร์ก (Denmark)

เดนมาร์กโอบล้อมด้วยมหาสมุทร และเต็มไปด้วยสถานที่สวยงามมากมาย ทั้งธรรมชาติและสถาปัตยกรรมสุดอลังการไม่ว่าจะเป็นพระราชวังฤดูหนาว หรือ พระราชวังอะเมรินโบรก ที่ยิ่งใหญ่เคยเป็นที่ประทับของ สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก อาคารเป็นสถาปัตยกรรมร็อคโคโค ตรงกลางมีลานกว้างใหญ่แบบแปดเหลี่ยม ประดิษฐานอนุสาวรีย์ KingFrederik V ประทับบนหลังม้า พระราชวังโรเซนเบิร์ก สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของกรุงโคเปนเฮเกนงานสถาปัตยกรรมยุคดัตส์ เรเนสซอง อายุกว่า 400 ปี ด้านนอกโอบล้อมด้วยสวนคิงส์การ์เด้นชวนให้เดินเล่นถ่ายรูป และถ้ามาเดนมาร์กแต่ไม่ได้มาเก็บภาพที่ จัตุรัสซิตี้ฮอลล์ ถือว่ามาไม่ถึง เพราะเป็นสถานที่มีสถาปัตยกรรมเก่าแก่สวยที่สุดของกรุงโคเปนเฮเกนและใกล้ๆ กัน ยังมีถนนคนเดินสตรอยก์ (Stroget)แหล่งช้อปปิ้งที่ถูกยกให้เป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในยุโรป จากนั้น ลองไปสัมผัสธรรมชาติกันบ้างที่น้ำตกมูลาฟอสเซอร์ น้ำตกธรรมชาติที่โอบล้อมด้วยความเขียวขจีและก้อนเมฆที่ลอยรอบตัว ราวกับอยู่บนสวรรค์ โดดเด่นด้วยภูเขาหินที่มีน้ำตกแทรกลงมาดูแปลกตา

4.อังกฤษ (England)

หนึ่งในประเทศที่มีอิทธิพลต่อทวีปยุโรปมาตั้งแต่อดีตจวบจนปัจจุบันเสน่ห์ที่ทำให้ใครต่อใครหลงรักอังกฤษคือวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ มีธรรมชาติที่สวยงามพร้อมสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ชวนตะลึงมากมายไล่ไปตั้งแต่พระราชวังบักกิงแฮม (Buckingham palace) พระราชวังเก่าแก่ของราชวงศ์อังกฤษปัจจุบัน เป็นพระราชฐานของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และพระราชวงศ์ซึ่งได้เปิดบางส่วนให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมความงดงามของสถาปัตยกรรมสุดอลังการ หอนาฬิกาบิ๊กเบน (Big Ben) สถาปัตยกรรมอันเป็นเอกลักษณ์กลางกรุงลอนดอน อายุมากกว่า150 ปี สูงเกือบ 100 เมตร มีหน้าปัดนาฬิกาทั้ง 4 ด้าน ระฆังด้านในหนักถึง13 ตัน จึงมีเสียงดังกังวานไปทั่วเมือง สโตนเฮนจ์ (Stonehenge)อนุสรณ์สถานที่สร้างความฉงนใจให้กับชาวโลก ด้วยกลุ่มแท่งหินมหึมา อายุมากกว่า5,000 ปี เรียงเป็นวงกลม 2 วง ซ้อนกัน อีกแท่งวางอยู่ด้านบนอยู่กลางทุ่งโล่งกว้างสีเขียวสด เกิดเป็นทัศนียภาพที่สวยแปลกตา โคคา-โคลาลอนดอน อาย (Coca-Cola London Eye) อีกหนึ่งประสบการณ์ที่จะทำให้จดจำอังกฤษไปตลอดกาลกับการขึ้นชิงช้าสวรรค์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก สูงกว่า 135 เมตรตั้งโดดเด่นริมแม่น้ำเทมส์ ที่นักท่องเที่ยวจะได้เห็นทัศนียภาพของลอนดอนในมุมสูง

5.ฝรั่งเศส (France)

เมื่อบินไปฝรั่งเศสต้องไม่พลาดตะลอนทัวร์ให้ทั่วกรุงปารีส เริ่มจากแลนด์มาร์กที่หลายคนรู้จักกันดีนั่นก็คือ พระราชวังแวร์ซาย (Château de Versailles) ออกแบบและตกแต่งอย่างสวยงามตระการตา ภายในมีห้องถึง 700 ห้อง พร้อมจิตรกรรมและประติมากรรมประดับตกแต่ง ด้านนอกมีสวนแวร์ซายที่ยิ่งใหญ่ให้ถ่ายรูปที่ระลึกพระราชวังฟงแตนโบล (Château deFontainebleau) พระราชวังหลวงอันเก่าแก่และใหญ่ที่สุดของฝรั่งเศสมีสัญลักษณ์สำคัญ คือ บันไดเกือกม้าด้านหน้าพระราชวังซึ่งเป็นสถานที่นโปเลียนได้บัญชาการรบเพื่อขยายแสนยานุภาพไปทั่วทวีปยุโรป และยังมีห้องเลี้ยงรับรองสุดหรูซึ่งเคยเป็นที่รับเสด็จ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 อีกด้วย ถัดมาคนรักงานศิลปะต้องชอบ หมู่บ้าน ชิแวร์นี่ (Giverny) มีสถานท่องเที่ยวอันโดดเด่นคือ พิพิธภัณฑ์บ้านโมเนต์ (Monet’shouse) ซึ่งอดีตเป็นที่พำนักของศิลปินเอกโกลด โมเนต์ นอกจากจะตกแต่งบ้านได้อย่างน่ารักแล้ว ยังมีไฮไลต์อยู่ที่สวนดอกไม้สไตล์อังกฤษและสระบัวที่เป็นต้นกำเนิดของภาพวาด “Water Lilies” อันโด่งดังของเขาปิดท้ายด้วยสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของฝรั่งเศส วิหารมงแซ็ง-มีแชล (MontSaint-Michel) วิหารโออ่าวิจิตรงดงามมากอายุนับพันปี ตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลชายฝั่งตะวันตกของแคว้นนอร์มังดี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลก

6.เยอรมนี (Germany)

ประเทศนี้เป็นที่รู้จักและมีประวัติศาสตร์มาตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่สวยอันดับต้นๆของทวีปยุโรปมีไฮไลต์อาทิ เมืองมิวนิก (Munich) หนึ่งสถานที่เที่ยวดีที่สุดด้วยฉากหลังของวัฒนธรรมที่โอ่อ่าอย่างโรงละครแห่งชาติใจกลางเมืองสร้างขึ้นด้วยการผสมผสานเสน่ห์ของสถาปัตยกรรมคลาสสิกและความทันสมัย ถัดมา โคโลญ (Cologne) หนึ่งในเมืองยอดนิยมของนักท่องเที่ยวที่ใฝ่ฝันมาเยือน ด้วยความเป็นเมืองเก่าแก่ทว่าเต็มไปด้วยชีวิตชีวา มีสถานที่เที่ยวที่น่าสนใจ อาทิ มหาวิหารโคโลญ ซึ่งได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 12 คริสตจักรโรมันอันงดงามของสถาปัตยกรรมยุคกลางและปราสาทที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากที่สุดก็คือปราสาทนอยชวานชไตน์ (Neuschwanstein Castle) อยู่ในเทือกเขาแอลป์ ต้นแบบของการสร้างปราสาทเทพนิยายเจ้าหญิงนิทราที่สวนสนุกดิสนีย์แลนด์นั่นเอง ภายในเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมได้14 ห้อง โดยมีไฮไลต์ คือ ห้องบรรทมของพระเจ้าลุดวิก ที่สร้างขึ้นในศิลปะแบบโกธิกตกแต่งด้วยงานแกะสลักไม้อย่างวิจิตร

7.อิตาลี (Italy)

อิตาลี เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั่วโลกมีชาวต่างชาติมาเยือนมากเป็นอันดับห้าของโลก ส่วนใหญ่หลงใหลในประวัติศาสตร์,อนุสาวรีย์โบราณที่ล้ำค่า,แฟชั่น, อาหาร มีไฮไลต์เริ่มตั้งแต่ กรุงโรม (Rome)เมืองหลวงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานมากกว่า 2,800 ปี และยังเป็นที่ตั้งของนครรัฐวาติกันที่ประทับประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ อาทิ สนามกีฬาแห่งกรุงโรม (The Colosseum of Rome) สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแห่งนี้เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมันตัวสนามสร้างเป็นรูปตึกวงกลมก่อด้วยอิฐและหินขนาดใหญ่ โดยรอบยาว 527 เมตร สูง 57 เมตร มี 4 ชั้นอัฒจรรย์จุคนดูได้ประมาณ 80,000 คนเป็นสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงความรุ่งโรจน์ของอาณาจักรโรมันโบราณ น้ำพุเทรวี่ (The Trevi Fountain) เป็นจุดที่ไม่ควรพลาด เพราะมีความสวยงามทางสถาปัตยกรรมอย่างมากตรงกลางของน้ำพุมีรูปปั้นของเทพเจ้าเนปจูน (Neptune) ตามธรรมเนียมนักท่องเที่ยวที่มาชมน้ำพุควรโยน 1 เหรียญลงไปในสระ ซึ่งเชื่อกันว่าหากโยนลงไปจะได้กลับมาเยือนกรุงโรมอีกครั้งต่อมา หอเอนเมืองปิซา (Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดลดูโอโม หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก รูปทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86เมตร) มีบันได 293 ขั้นเอียง 3.97องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตรเวนิซ (Venice/ Venezia) เมืองที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในอิตาลี ที่รู้จักกันในประวัติศาสตร์ศิลปะ และคลองที่มีชื่อเสียงระดับโลก

8.นอร์เวย์ (Norway)

นอร์เวย์ (Norway) สถานที่ท่องเที่ยวในฝันของนักเดินทางทั่วโลก ด้วยที่นี่มีแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติสุดอลังการมากมายทั้งภูเขา น้ำตก ท้องทะเล และยังเป็นสถานที่ยอดนิยมในการไปดูแสงเหนืออีกด้วย ใครที่อยากหาสถานที่ท่องเที่ยวต่างประเทศที่สวย ๆ สุดอลังการ บอกเลยว่านอร์เวย์เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะกับคุณมากๆ เริ่มที่เมืองหลวงออสโล (Oslo) เอกลักษณ์ของที่นี่คือมีสถาปัตยกรรมทั้งเก่าและใหม่สวยงามมากมายมีทั้งพิพิธภัณฑ์ แกลลอรี่ และโรงละคร นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารและคลับบาร์ให้ได้เลือกนั่งพักผ่อนชิลล์ๆ Nidaros Cathedral วิหารที่มีความเก่าแก่และสวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่งของยุโรปมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ทั้งภายในและภายนอกออกแบบอย่างสวยงามวิจิตรบรรจง ด้านในมีทางเดินให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวด้านบนวิหารด้วย Reine หมู่บ้านชาวประมงบนเกาะ Lofoten มีบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบ บ้านเรือนเป็นแบบดั้งเดิมมีสีสันสดใส ชวนให้หลงใหลยิ่งในฤดูหนาวมีหิมะปกคลุมทั้งภูเขา และบ้านเรือน ยิ่งสวยงามราวกับดินแดนในฝัน Latefossen น้ำตกขนาดใหญ่ในเขต Odda ของเมือง Hordalandเป็นสถานที่ห้ามพลาด เพราะน้ำตกแห่งนี้มีความสูงประมาณ 165 เมตร มีลักษณะเป็นสายน้ำ 2 สาย ไหลลงมาบรรจบกันที่ทะเลสาบLotevatnet และอยู่ติดถนนสาย Norwegian National Road13 ที่นี่จึงเป็นจุดแวะพักยอดนิยมของนักท่องเที่ยว

9.รัสเซีย (Russia)

นับตั้งแต่ “รัสเซีย” หรือสหพันธ์สาธารณรัฐรัสเซียเปิดออกนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกก็หลั่งไหลเดินทางไปเยือนปีละหลายล้านคนเพื่อสัมผัสกับศิลปวัฒนธรรม และศึกษาประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ โดยเฉพาะ “กรุงมอสโก” เมืองหลวง ที่วันนี้ได้พลิกโฉมเป็นมหานครทันสมัยรวมไว้ด้วยสถาปัตยกรรมสุดตระการตาผสานกับวัฒนธรรมที่โดดเด่น สถานที่สำคัญน่าชม อาทิ จัตุรัสแดง (RedSquare) เป็นดั่งใจกลางเมืองมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากที่สุด เพื่อชมความงามของสถาปัตยกรรมที่อยู่รายรอบต่อมา พระราชวังเครมลิน (Grand Kremlin Palace) ถือเป็นสถาปัตยกรรมยุคกลางดีที่สุดในยุโรปและเป็นเสมือนหัวใจของคนในกรุงมอสโก เพราะตามความเชื่อโบราณของชาวรัสเซียนสถานที่แห่งนี้เปรียบดั่งที่ทรงสถิตขององค์พระผู้เป็นเจ้า อดีตเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์ศูนย์การค้ากุม (GUM) เป็นศูนย์การค้าเก่าแก่ สวยงามหรูหรา และใหญ่ที่สุดในกรุงมอสโก สร้างเมื่อปี 1895 ตั้งอยู่บริเวณลานกว้างในย่านจัตุรัสแดงใครตั้งใจจะมาช้อปปิ้งสินค้าแบรนด์เนมถือว่ามาถูกทาง เพราะมีช็อปแบรนด์ดังเปิดบริการมากมายและพลาดไม่ได้สถานีรถไฟใต้ดิน มอสโก (Moscow Metro) ถือเป็นสิ่งก่อสร้างที่ชาวรัสเซียนสามารถอวดชาวต่างชาติให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ด้านประวัติศาสตร์ความเป็นชาตินิยมและวัฒนธรรมประเพณีอันสวยงาม ด้วยการตกแต่งแต่ละสถานีแตกต่างกันโดยเฉพาะสถานีกลางกรุงมอสโก ได้รับการโหวตว่าเป็นหนึ่งในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลก

10.สวีเดน (Sweden)

เป็นที่รู้จักในนามดินแดนดวงอาทิตย์เที่ยงคืนและดินแดนแห่งไวกิ้ง เป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกปราถนาจะมาเยือนสักครั้งในชีวิตโดยเฉพาะเมืองหลวงอย่าง กรุงสต็อกโฮล์มโอบล้อมด้วยทะเลบอลติก (BalticSea) ทะเลสาบมาลาเร็น (Lake Malaren) ทำให้สตอกโฮล์มเป็นเมืองหลวงสวยที่สุดแห่งหนึ่งของโลกมีสถานที่ต้องไปเยือน อาทิ พระราชวังหลวง (Stockholms slott)เป็นที่ประทับของพระราชวงศ์สวีเดนกล่าวกันว่า ที่นี่คือพระราชวังที่งดงามที่สุดในบรรดาพระราชวังทั้งหมดของทวีปยุโรป “ย่านเมืองเก่า” (Gamla Stan) ย่านเมืองเก่าที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอีกหนึ่งแลนมาร์กที่น่าตื่นตา เพียงย่างเท้าเข้าไปในย่านนี้ ก็เหมือนหลุดมิติไปอยู่ในช่วงศตวรรษที่ 13 ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือนสิ่งปลูกสร้างที่สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมแบบสวีเดนที่ยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมไว้ได้เป็นอย่างดี ศาลาว่าการเมืองสต็อกโฮล์ม (StockholmCity Hall) มีการตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตาราวกับพระราชวังด้วยศิลปะอาร์ตนูโวหลังคาฝ้าเพดานของห้องประชุมออกแบบให้มีลักษณะคล้ายกับท้องเรือไวกิ้งเสมือนกำลังแล่นไปบนผืนน้ำทะเลสีฟ้า สถานีรถไฟใต้ดินสต็อกโฮล์ม (StockholmMetro) ได้รับการยกย่องว่าเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะที่ยาวที่สุดในโลกและติดอันดับ 1 ใน 7 ของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่สวยที่สุดในโลกมีจำนวน 100 สถานี 10 เส้นทาง รวมระยะทางยาว110 กิโลเมตร ทุกสถานีมีเอกลักษณ์น่าตื่นตาตื่นใจ

11.สวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland)

เมื่อพูดถึง “สวิตเซอร์แลนด์” เรามักนึกถึงสถานที่ท่องเที่ยวอย่างเทือกเขาจุงเฟรา, เมืองเจนีวา, ภูเขาทิตลิต ทั้งที่ประเทศนี้ยังมีสถานที่น่าสนใจอื่นๆอีกมากมาย อาทิทะเลสาบโอชิเนน (OeschinenLake) ตั้งอยู่ตรงกลางหุบเขาโอชิเนนที่ระดับความสูง1,578 เมตร เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาจุงเฟราแม้จะเป็นทะเลสาบขนาดเล็กเพียง 1 ตารางกิโลเมตร แต่ก็มีความสมบูรณ์ของธรรมชาติที่สวยงามโดดเด่นน้ำตกไรน์ (Rhein fall) น้ำตกเก่าแก่ใหญ่ที่สุดในยุโรป สูงถึง 23 เมตร กว้างกว่า150 เมตร เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง อายุมากกว่า 14,000ปี และสุดยอดธรรมชาติอีกแห่ง ธารน้ำแข็งอเลิท์ซ กลาเซียร์ (Aletsch Glacier) ธารน้ำแข็งที่ยาวที่สุดในบรรดาธารน้ำแข็งของเทือกเขาแอลป์ มีความยาวถึง 22กิโลเมตร หนาถึง 700 เมตรครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 120 ตารางกิโลเมตรมีน้ำแข็งอัดทับถมกันราว 27 พันล้านตัน กลายเป็นที่เที่ยวมรดกทางธรรมชาติสุดอัศจรรย์ ยอดเขาแมทเทอร์ฮอร์น (Matterhorn) ได้ชื่อว่าสูงที่สุดในเทือกเขาแอลป์ สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 4,478เมตร มีจุดเด่นแปลกตาเรียกว่าฮอร์น (เขาสัตว์) ลักษณะสามเหลี่ยมพีระมิด และอีกแห่งทะเลสาบลูเซิร์น (Lucernelake) เป็นทะเลสาบสวยที่สุดในสวิตเซอร์แลนด์ อยู่ท่ามกลางหุบเขามีทิวทัศน์โดยรอบเป็นบ้านเรือนแบบดั้งเดิม แลดูคล้ายหมู่บ้านตุ๊กตา รวมถึงสวนสาธารณะที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้บานสะพรั่งตามฤดูกาล

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนคงแทบจะอดใจไม่ไหว อยากจะบินท่องยุโรปกันแล้ว และน่ายินดีที่วันนี้“การบินไทย”สายการบินแห่งชาติ ทำให้การบินไปทวีปยุโรปนั้นแสนง่ายสะดวกสบาย ราคาสบายกระเป๋า โดยบินตรงจากกรุงเทพฯสู่แลนดิ้ง 11 ประเทศ 13 จุดบินได้แก่ ออสเตรีย (Austria: Vienna), เบลเยี่ยม (Belgium: Brussels), เดนมาร์ก (Denmark : Copenhagen),อังกฤษ(England : London-Heathrow), ฝรั่งเศส (France :Paris), เยอรมนี (Germany : Frankfurt, Munich),อิตาลี(Italy : Rome, Milan), นอร์เวย์ (Norway : Oslo), รัสเซีย (Russia: Moscow), สวีเดน (Sweden: Stockholm) และสวิตเซอร์แลนด์ (Switzerland : Zurich) ในราคาบัตรโดยสารเที่ยวเดียว เริ่มต้นเพียง 11,660 บาท/ท่าน สามารถจองบัตรโดยสารได้ตั้งแต่วันนี้ – 31ตุลาคม 2562 และเริ่มเดินทางได้ตั้งแต่วันนี้ –31 ธันวาคม 2562 ด้วยบริการแบบFull Serveries สร้างความประทับใจไม่รู้ลืมเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงคลิก https://bit.ly/2lNxGFv


LATEST ARTICLES
TOP Share
Social