เติมพลังใจกับเรื่องราวของ เลนา มาเรีย หญิงหัวใจแกร่งผู้คว้าฝันด้วยปลายเท้า

คุณเคยตัดพ้อต่อโชคชะตาบ้างไหมเคยครุ่นคิดว่าทำไมถึงเกิดมาไม่เพียบพร้อมเหมือนคนอื่นบ้างหรือเปล่า ถ้าคุณเคยมีความคิดเหล่านี้เรามีเรื่องราวการสู้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งมาแนะนำ

เลนา มาเรีย (LenaMaria) เป็นหญิงชาวสวีเดนผู้เกิดมาโดยปราศจากแขนทั้ง2 ข้างและมีขาซ้ายยาวเพียงครึ่งหนึ่งของขาขวามาตั้งแต่เกิดโดยไม่ทราบสาเหตุ เธอไม่เคยฝันอยากเป็นนักกีฬานักเขียน นักร้อง หรือศิลปินแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยย่อท้อต่อโชคชะตา เลนา มาเรียเรียนว่ายน้ำตั้งแต่อายุ3 ขวบจนได้เป็นนักกีฬาทีมชาติสวีเดนได้รับเหรียญรางวัลมากมาย ทุกวันนี้เธอร้องเพลงเป็นอาชีพมีผลงานมาแล้วหลายอัลบัมได้แก่ My Life, BestFriend หรือ AmazingGrace และเธอยังมีผลงานเขียนออกมาถึง2 เล่มซึ่งจัดพิมพ์ฉบับภาษาไทยโดยนานมีบุ๊คส์ คือ บันทึกจากปลายเท้า(FOOTNOTES) และคว้าฝันสุดปลายเท้า (Dareto Dream)

ชีวิตของหญิงหัวใจแกร่งผู้นี้เป็นแรงผลักดันให้แก่ทุกคนที่กำลังท้อแท้ได้เป็นอย่างดีซึ่งคุณโรสซาลีน่า อเล็กซานเดอร์แม็คเคย์ ประธานมูลนิธิThe Rainbow Room กล่าวว่า“สิ่งที่เห็นได้จากชีวิตของเลนามาเรียคือการที่เขาเติบโตขึ้นในครอบครัวและสังคมที่ยอมรับความแตกต่างและเห็นความแตกต่างเป็นเรื่องธรรมดา ขณะเดียวกันเลนาก็มีความรักของคุณพ่อคุณแม่เป็นเบาะรองรับอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าตอนอยู่นอกบ้านจะเป็นอย่างไรแต่พอกลับมาที่บ้านก็มั่นใจได้ว่ามีความรักอันเปี่ยมล้นรออยู่บวกกับความเชื่อและศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าจึงทำให้เลนามาเรียมีทัศนคติในด้านบวกต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆได้อย่างมีพลังและยังส่งต่อพลังนั้นแก่ผู้อื่นด้วย”

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าครอบครัวมีบทบาทสำคัญในการเป็นกำลังใจให้กับเลนามาเรีย คุณโรสซาลีน่า เผยว่า“คุณพ่อคุณแม่ของเลนามีทัศนคติที่สร้างสรรค์คือคิดว่าความแตกต่างไม่ได้บอกว่าดีกว่าหรือแย่กว่าความแตกต่างก็คือความแตกต่างเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นการที่เราช่วยให้ลูกได้มีส่วนร่วมในสังคมให้มากที่สุดและอำนวยความสะดวกให้เขามากที่สุดเพื่อให้เขาเติบโตอย่างมีศักยภาพนับเป็นเรื่องสำคัญมาก”

เรื่องราวชีวิตของเลนามาเรีย ถือเป็นตัวอย่างที่สร้างแรงบันดาลใจได้อย่างดีแม้จะเกิดมาไม่ครบกายแต่เธอก็มีความมั่นใจ พลังใจและสติปัญญาที่จะหาแรงบันดาลใจจากสิ่งต่างๆหรือประสบการณ์รอบตัว เวลาเจอปัญหา สิ่งที่เลนามาเรียคิดก็คือเหตุการณ์นี้สอนอะไรให้เธอบ้าง

ทั้งนี้ คุณโรสซาลีน่าอเล็กซานเดอร์ แม็คเคย์ยังเผยถึงความประทับใจเมื่ออ่านหนังสือ“บันทึกจากปลายเท้า” จบว่า“รู้สึกประทับใจมากตอนที่เลนาพูดถึงคุณพ่อคุณแม่ว่าท่านมองดูฉันในฐานะลูกสาวที่บังเอิญเกิดมาพิการไม่ใช่เด็กพิการที่บังเอิญเกิดมาเป็นลูกสาวของท่านสิ่งนี้เป็นทัศนคติที่อยากให้เกิดขึ้นในประเทศไทย หลายครั้งที่มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณพ่อคุณแม่ชาวไทยที่มีลูกผู้แตกต่างจะเห็นว่าพวกเขามีความทุกข์มากพร้อมมีคำถามอยู่ตลอดเวลาว่าเพราะอะไรซึ่งทัศนคติแบบนี้เมื่อเทียบกับมุมมองความคิดของคุณพ่อคุณแม่ของเลนาจะเห็นว่าเขาผ่านจุดนั้นไปแล้วคือเขาเลิกตั้งคำถามว่าทำไมแต่คิดว่าจะหาทางช่วยลูกให้เติบโตอย่างเต็มศักยภาพได้อย่างไรมีอะไรที่ช่วยได้บ้าง และอีกอย่างที่ชอบมากคือคุณพ่อคุณแม่ของเลนาจะเลี้ยงลูกเหมือนเด็กทั่วไปเสมอนี่คือประตูที่ทำให้เลนามาเรียใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้เหมือนคนทั่วไป”

นอกจากนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์นายแพทย์สุขเจริญ ตั้งวงษ์ไชยภาควิชาจิตเวชศาสตร์คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งของคำนิยมว่า“ผู้อ่านจะได้รับรู้ความจริงว่าชีวิตของเลนาต้องใช้ความพยายามอย่างสูงรวมถึงกำลังใจและความเข้าใจจากคนรอบข้างโดยเฉพาะครอบครัวซึ่งเป็นแรงขับให้เธอใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมายไม่แตกต่างจากพวกเราที่มีทุกอย่างครบถ้วนบริบูรณ์ เธอมีพลังในการค้นหาตัวตนและพรสวรรค์ของเธออยู่เสมอสนุกกับการท่องโลกกว้างพบปะผู้คนมากมายโดยไม่ปิดขังตัวเองอยู่กับโชคชะตาที่เกิดมาแตกต่างจากคนอื่นๆ ทั้งนี้ การคิดแบบบวกหรือpositive thinkingยังทำให้เธอรู้สึกรักและมีความสุขกับชีวิตชีวิตเธอเป็นตัวอย่างให้เห็นว่าคนเราเกิดมาแล้วได้ทำหน้าที่ของตนเองตามบทบาทและความถนัดนั้นน่าจะสำคัญกว่าการมองหาสิทธิ์ที่เราควรจะได้รับเธอเป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้อยากใช้สิทธิ์ของผู้พิการแต่ตรงกันข้ามกลับทำหน้าที่ช่วยเหลือคนอื่นๆที่ทุกข์ร้อนบนโลกใบนี้”

ในเมื่อชีวิตไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอยามใดที่อุปสรรคแตะมือกันเข้ามาทักทายจนแทบไม่ได้หายใจขอจงอย่าท้อถอย ก้าวข้ามขีดจำกัดของตัวเองแล้วทำสิ่งเล็กๆที่ยิ่งใหญ่เพื่อสร้างสรรค์ให้โลกใบนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น


LATEST ARTICLES
TOP Share
Social