แอสตัน มาร์ติน ‘DB12’ ซูเปอร์คาร์สุดหรู ผสานสมรรถนะดุดันสไตล์ยนตรกรรม ซูเปอร์ ทัวเรอร์ คันแรกของโลก!

หากประเทศอังกฤษเป็นจุดกำเนิดหลากนวัตกรรมก้าวล้ำแบรนด์ยนตรกรรม แอสตัน มาร์ติน นับว่ายืนหนึ่งในฐานะตัวแทนความเป็นที่สุดแห่งยานยนต์ระดับโลก ล่าสุด แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ผู้นำเข้าและจำหน่ายรถยนต์ แอสตัน มาร์ตินอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานใหญ่ ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์เปิดตัวครั้งแรกอย่างเป็นทางการ แอสตัน มาร์ติน ‘DB12’ ภายใต้นิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’ ซูเปอร์คาร์สุดหรูดีไซน์โฉบเฉี่ยว พร้อมความแรงเต็มพิกัด ให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางเหล่าผู้ชื่นชอบยนตรกรรมสัญชาติอังกฤษ ที่ตบเท้าร่วมงานอย่างคับคั่ง ณ เซ็นเตอร์พ้อยท์ สตูดิโอ กรุงเทพฯ เมื่อวันก่อน

แนนซี่ เฉิน ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท แอสตัน มาร์ติน ลากอนดา จำกัด เปิดเผยว่า “ปีนี้นับว่ามีความหมายกับ แอสตัน มาร์ติน เป็นพิเศษ เนื่องในโอกาสครบรอบ 110 ปี แห่งประวัติศาสตร์ของผู้ผลิตยนตรกรรมสปอร์ตจากประเทศอังกฤษ นับตั้งแต่การคว้าชัยชนะในการแข่ง แอสตัน ฮิลล์ ไคลม์ ไปจนถึงการนำรถเข้าแข่งรายการ ฟอร์มูลาวัน กรังด์ปรีซ์ ในปัจจุบัน พร้อมกันนี้เรายังได้เฉลิมฉลองการครบรอบ 75 ปีของยนตรกรรมสายพันธุ์ DB ที่นับเป็นต้นกำเนิดของรถจีที (GT-Grand Tourer) ด้วยการเปิดตัวยนตรกรรมรุ่นล่าสุด แอสตันมาร์ติน DB12 ผู้กำหนดนิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’ ”

ฉัตรชัย แก้วผ่องศรี ผู้จัดการทั่วไปแอสตัน มาร์ติน แบงคอก กล่าวว่า “นับเป็นเวลา 75 ปีแล้ว ที่ผู้หลงใหลซูเปอร์คาร์ทั่วโลกต่างภาคภูมิใจที่ได้ครอบครองยนตรกรรมหรู แอสตัน มาร์ติน สายพันธุ์ ‘DB’ วันนี้ผมรู้สึกยินดีและตื่นเต้นไปกับชาวไทยที่จะได้สัมผัสกับ แอสตัน มาร์ติน DB12 ซึ่งได้รับการขนานนามให้เป็นยนตรกรรม ซูเปอร์ ทัวเรอร์ คันแรกของโลก นับเป็นการยกระดับให้กับรถประเภท จีที ผ่านการผสมผสานความหรูหราและสะดวกสบายเข้ากับสมรรถนะของซูเปอร์คาร์ได้อย่างลงตัว”

แอสตัน มาร์ติน ซูเปอร์คาร์สุดหรูฉบับเมืองผู้ดีอังกฤษ ถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1913 โดย ไลโอเนล มาร์ติน กับโรเบิร์ต แบมฟอร์ต ผู้สร้างตำนานปลุกปั้นรถแข่ง เพื่อไปโลดแล่นในรายการ แอสตัน คลินตัน ฮิลล์ ไคลม์ และคว้าแชมป์สำเร็จในที่สุด สะท้อน 110 ปีในฐานะแบรนด์ต้นกำเนิด และ 75 ปี นับแต่ก่อเกิดสายพันธุ์ ‘DB’ วันนี้ถึงเวลาที่ยอดยนตรกรรม DB12 จะแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาไปอีกขั้นภายใต้นิยามใหม่ที่รวมเอาความเป็นที่สุดไว้ถึง 5 มิติ แบบต้องร้องว้าว!

เริ่มจาก ความสปอร์ตเต็มพิกัด (Bolder) โดยเฉพาะตัวถังดีไซน์ใหม่กว้างและดูดุดันยิ่งขึ้น เด่นสะดุดตาด้วยกระจังหน้าแบบซี่เดี่ยว (single vane) ชุบโครเมียม ขนาดใหญ่ขึ้น 56% กันชนหน้าแบบใหม่ พร้อมแผ่นรีดอากาศด้านหน้า (front splitter) โลโก้สัญลักษณ์ขนาดใหญ่ขึ้น ติดตั้งช่องระบายอากาศบนฝากระโปรง เพื่อระบายความร้อนจากเครื่องยนต์และเทอร์โบคู่ที่อยู่ตรงกลางระหว่างเสื้อสูบทั้ง 2 ฝั่ง ไฟหน้าแอลอีดีแบบใหม่ พร้อมเดย์ไทม์รันนิงไลท์ กระจกข้างทรงสปอร์ตแบบไร้กรอบ เพิ่มประสิทธิภาพการเกาะถนนช่วงความเร็วสูง ด้วยระบบแอโรไดนามิกส์ ‘Aeroblade’ พร้อมสปอยเลอร์หลังอัตโนมัติ เพิ่มลูกเล่นกับฟังก์ชั่นใหม่เมื่อกดปุ่มปลดล็อกบนกุญแจรีโมท มือจับประตูจะกระดกขึ้นอัตโนมัติ ช่วยให้จับได้สะดวกยิ่งขึ้น

แรงจัดทรงพลังที่สุดในรถกลุ่มเดียวกัน (Fiercer) ยกระดับให้กับรถจีที สู่การเป็นยนตรกรรมซูเปอร์ ทัวเรอร์ ขึ้นทำเนียบยนตรกรรมพลังแรงที่สุดในคลาส ด้วยขุมพลังเบนซินทวินเทอร์โบ วี8 สูบ 4.0 ลิตร 680 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบต่อนาทีแรงบิด 800 นิวตันเมตร ที่ 2,750-6,000 รอบต่อนาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ (ZF 8HP75) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ภายใน 3.6 วินาที ความเร็วสูงสุด 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

โดดเด่นสะดุดตา หรูหรา ประณีตแบบอัลตราลักชัวรี่ (Finer) ด้วยห้องโดยสารที่ใส่ใจในทุกรายละเอียดแบบฉบับ แอสตัน มาร์ติน มาพร้อมหลากหลายแนวทางการตกแต่ง จึงลงตัวกับทุกบุคลิกของผู้ครอบครอง ที่สำคัญระบบอินโฟเทนเม้นท์แบบใหม่ติดตั้งจอดิจิทัลหน้าผู้ขับแบบ TFT 10.25 นิ้ว คมชัดสูง สามารถปรับแต่งการแสดงผลได้หลายแบบ พวงมาลัยดีไซน์ใหม่ ผสานความหรูหราตัดเย็บด้วยมือ กลมกลืนกับปุ่มควบคุมระบบอินโฟเทนเมนท์ล้ำสมัย ขณะที่จอแสดงผลอเนกประสงค์ 10.25 นิ้วติดตั้งกลางแดชบอร์ด เน้นความสะดวกสบาย ล้ำสมัยด้วยปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์แบบใหม่ ตัวปรับเลือกโหมดการขับแบบแป้นหมุน พร้อมสวิตช์ควบคุมต่างๆ บริเวณคอนโซลกลางใช้งานได้สะดวก

มาที่หัวใจของการขับเคลื่อนกับ Drive Modes แบบใหม่ เพื่อความเร้าใจของผู้ขับ (Purer) ที่ออกแบบและผลิตโดยให้ความสำคัญกับผู้ขับเพื่อการใช้งานที่ง่าย สะดวก และประสิทธิภาพสูงสุดในการควบคุมรถ การันตีการขับที่สนุกและปลอดภัยทุกสถานการณ์ ด้วย 5 โหมดการขับคือ Wet, Individual, GT (พื้นฐาน), Sport และ Sport+ พร้อมติดตั้งระบบออกตัวสำหรับการทะยานออกจากจุดสตาร์ท รวมถึงมีระบบควบคุมการทรงตัว ที่สามารถปรับได้ถึง 3 แบบ คือ ON, TRACK และ OFF ที่เปิดโอกาสให้ผู้ขับได้สัมผัสกับความท้าทายในการควบคุมรถอย่างเป็นธรรมชาติ

นุ่มนวล อุ่นใจตลอดเส้นทางสู่จุดหมาย ด้วย แฮนด์ลิงคมกริบ (Sharper) อีกหนึ่งความพิเศษของแอสตัน มาร์ติน DB12 คือช่วงล่างหน้า-ดับเบิลวิชโบน และหลัง-มัลติลิงค์ พร้อมโช้กอัพอะแดปทีฟ Bilstein DTX ที่มีความความยืดหยุ่น นุ่มหนึบและความละเอียดในการขับมากขึ้นถึง 500% สำคัญว่าติดตั้งเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป ควบคุมด้วยอิเล็กทรอนิกส์กับคาลิเปอร์เบรกหน้า 6 พ็อต หลัง 4 พ็อต จับคู่จานเบรกโลหะเจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลัง 400 และ 360 มิลลิเมตรตามลำดับ พร้อมมีจานเบรกคาร์บอนเซรามิกเจาะรูระบายความร้อน หน้า-หลัง 410 หลัง 360 มิลลิเมตรเป็นออปชั่น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการชะลอความเร็ว และลดน้ำหนักใต้สปริงได้ถึง 27 กิโลกรัม ปิดท้ายด้วยล้อฟอร์จขนาด 21 นิ้วจับคู่กับยาง Michelin Pilot Sport S 5แก้มยางระบุอักษร ‘AML’ บ่งบอกว่าผลิตมาสำหรับแอสตัน มาร์ติน DB12 โดยเฉพาะพร้อมโครงสร้างโฟมด้านใน ลดเสียงรบกวน และนุ่มนวลยิ่งขึ้น มีขนาดหน้า-หลัง 275/35/ZR21 และ 325/30/ZR21 ตามลำดับ

สัมผัส แอสตัน มาร์ติน ‘DB12’ นิยามใหม่ ‘The World’s First Super Tourer’ ที่มาพร้อมความหรูหราและสมรรถนะเต็มพิกัด แบบฉบับยนตรกรรมอังกฤษได้ที่ โชว์รูมพร้อมศูนย์บริการมาตรฐานครบวงจร แอสตัน มาร์ติน แบงคอก ถนนพระราม 3 รวมถึงโชว์รูมแสดงรถยนต์แอสตัน มาร์ติน รุ่นอื่นๆ ที่สยามพารากอน ได้แล้ววันนี้


LATEST ARTICLES
TOP Share
Social