
ปีนี้ Piaget ได้แปลงโฉมนาฬิกาทั้ง 3 คอลเลกชั่น Sixtie, Essentia และ Swinging Sautoirs…คอลเลกชั่นนาฬิกาไอคอนิคของเมซง Piaget สะท้อนจิตวิญญาณแห่งความกล้าและความคิดสร้างสรรค์อันแตกต่างเหนือกาลเวลาได้อย่างชัดเจน สู่สัมผัสแห่งเสน่ห์ครั้งใหม่ ด้วยการหยิบเอา “เทอร์ควอยซ์” อัญมณีเก่าแก่ที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คน และอารยธรรมมายาวนานกว่าพันปีผสานเข้ากับฝีมือช่างอันเลื่องชื่อของเมซง ที่เชี่ยวชาญด้านสีสันและการเล่นกับรูปทรงในแบบเฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นเส้นสายอันอ่อนช้อยของนาฬิกา Sixtie รุ่นใหม่, รูปทรงอันเป็นธรรมชาติของนาฬิกา กำไลข้อมือ Essentia ไปจนถึงรูปทรงระย้าอันงดงามของนาฬิกาสร้อยคอ Swinging Sautoirs ที่ต่างได้รับการแต่งแต้มด้วยโทนสีฟ้าครามอย่างมีชีวิตชีวา

หลายศตวรรษที่ผ่านมา เทอร์ควอยซ์ ได้รับการยกย่องในความงามของสีฟ้าอันเจิดจรัส โดยชาวอียิปต์โบราณเชื่อว่าเทอร์ควอยซ์มีพลังแห่งการฟื้นฟู ขณะที่ชาวแอซเท็กเรียกหินล้ำค่าชนิดนี้ว่า “หินแห่งเหล่าทวยเทพ” สำหรับ Piaget เฉดสีฟ้าของเทอร์ควอยซ์ได้สร้างความหลงใหลอย่างลึกซึ้งที่ชวนให้นึกถึงเฟรนช์ ริเวียร่า ทัศนียภาพอันงดงามของชายฝั่งทะเลที่สะท้อนวิถีชีวิตอันหรูหราและมีศิลปะ ด้วยอารมณ์ที่สะท้อนผ่านสีสันดังกล่าว ทำให้ Piaget นำเอาเทอร์ควอยซ์มาใช้ในการสร้างสรรค์พื้นหน้าปัดนาฬิกาตั้งแต่ปี 1963 และจับคู่กับกลไกนาฬิกาบางเฉียบอันล้ำสมัย
การผสมผสานกันอย่างกล้าหาญระหว่างความเป็นศิลปะและความเชี่ยวชาญด้านเทคนิคนี้ ได้พลิกโฉมวงการนาฬิกาหรู และส่งให้ Piaget ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นผู้ผลิตนาฬิกาแถวหน้า ก่อนที่จะเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ผลิตเครื่องประดับอัญมณีในยุคที่ยกย่องความคิดสร้างสรรค์เสรีเหนือสิ่งอื่นใด DAZZLING TIMES คอลเลกชั่น Sixtie เรือนเวลาที่เปี่ยมด้วยความท้าทายและความล้ำสมัยถ่ายทอดแนวคิดของเมซงที่เกิดขึ้นในช่วงปลายทศวรรษที่ 1960 ในการทลายขีดจำกัดขนบการผลิตนาฬิกาแบบเดิม ๆ สู่นิยามใหม่ของเรือนเวลาที่ “เล่นกับรูปทรง” ผ่านดีไซน์ตัวเรือนทรงสี่เหลี่ยมคางหมูซึ่งไม่เคยมีใครนำเสนอมาก่อน

การเปิดตัวนาฬิกา Sixtie รุ่นใหม่ได้มีขึ้นครั้งแรกช่วงต้นปีที่ผ่านมา ที่งาน Watches and Wonders Geneva 2025 การสร้างสรรค์คอลเลกชั่น Sixtie ถือเป็นการแสดงความคารวะต่อคอลเลกชั่น 21st Century ที่เผยโฉมในปี 1969 จากวิสัยทัศน์ของ Jean-Claude Gueit นักออกแบบที่พา Piaget ก้าวออกจากพรมแดนของการผลิตนาฬิกาสู่โลกแห่งแฟชั่น เกิดเป็นการนำเสนอความสง่างามใหม่ของรูปทรงที่สร้างความประทับใจตั้งแต่แรกเห็น ดีไซน์ของนาฬิการุ่นนี้เต็มไปด้วยเส้นสายแห่งเรขาคณิต สะท้อนศิลปะและการออกแบบแนวเรโทรเข้ากับความเชี่ยวชาญด้านช่างทองและด้านสีสันของเมซงได้เป็นอย่างดี
ในวันนี้ คอลเลกชั่น Sixtie ได้กลับมาอีกครั้งในแคปซูลคอลเลกชั่นที่รังสรรค์ร่วมกับเทอร์ควอยซ์ ตัวเรือนรูปทรงสี่เหลี่ยมคางหมู พร้อมขอบตัวเรือนสลักแบบกาดรูน (gadroon) ที่มีลักษณ์คล้ายขั้นบันได เผยเสน่ห์อันโดดเด่นด้วยสีฟ้าอมเขียวของเทอร์ควอยซ์ เปิดพื้นที่ให้ชื่นชมอย่างเต็มตาโดยปราศจากการจัดวาง อินเด็กซ์บอกเวลาใด ๆ คงไว้เพียงชื่อแบรนด์และเข็มนาฬิกาสองเข็มเรียบง่าย สวมใส่คู่สายทองที่มีความโปร่ง ซึ่งนอกจากรุ่นนาฬิกาข้อมือแล้ว Sixtie ยังปรากฏในรูปแบบนาฬิกาสร้อยคอ ที่ผสมผสานเข้ากับคอลเลกชั่น Swinging Sautoirs ด้วยเช่นกัน

Sixtie Swinging Sautoir (G0A50351) คือนิยามของมรดกแห่งการสร้างสรรค์นาฬิกาในแนวอาวองการ์ด และความเชี่ยวชาญด้านสีสันของ Piaget ซึ่งผลงานชิ้นใหม่นี้ ได้รับแรงบันดาลใจจากภาพสเก็ตช์ต้นแบบบนหน้านิตยสารแฟชั่นในอดีตอันเป็นภาพของหญิงสาวที่สวมใส่สร้อยสีทองพร้อมจี้ที่เป็นนาฬิกาหน้าปัดสีฟ้าเทอร์ควอยซ์ ซึ่งภาพดังกล่าววาดโดยดีไซเนอร์ของเมซง ก่อนที่จะรังสรรค์เป็นสร้อยคอยาว ประดับนาฬิกาหน้าปัดเทอร์ควอยซ์ทรงสี่เหลี่ยมคางหมู สะท้อนเสน่ห์แห่งความงามหรูหราอย่างเป็นธรรมชาติของยุคสมัยนั้น เส้นสายทองคำที่บิดเกลียวด้วยมือและประดับเพชรเรียงร้อยลงมาอย่างอ่อนช้อย คล้ายระลอกคลื่นอันอ่อนโยนบนผิวน้ำ ขับให้ชิ้นงานดูมีชีวิตชีวายิ่งขึ้นเมื่อพู่เพชรและทองสะท้อนประกายระยิบระยับพลิ้วไหวไปตามแสง
อีกหนึ่งผลงานที่มาร่วมเติมเต็มคอลเลกชั่นอย่างน่าหลงใหลคือ Swinging Sautoir (G0A50061) รุ่นตำนานที่โอบอุ้มหน้าปัดเทอร์ควอยซ์ทรงสี่เหลี่ยมคางหมูไว้ด้วยเส้นทองบิดเกลียวราวกับเชือก ที่นำมาผูกให้เกิดเป็นปมแสนเรียบง่าย ซึ่งแท้จริงแล้วเต็มไปด้วยรายละเอียดงานฝีมืออันประณีตในแบบฉบับของ Piaget ผลงานชิ้นนี้ได้ทลายเส้นแบ่งระหว่างความเป็นเครื่องประดับและนาฬิกา เกิดเป็นการผสมผสานสองการสร้างสรรค์ที่ลงตัว ตอกย้ำปรัชญาของเมซงที่เชื่อว่า “นาฬิกา” ไม่ได้มีไว้เพียงบอกเวลา แต่คืองานศิลปะที่พร้อมจะประดับทั้งบนข้อมือและเรือนกาย ด้วยความสง่างามเหนือกาลเวลาความคิดสร้างสรรค์อันเปี่ยมชีวิตชีวาและเสน่ห์เย้ายวนของ Piaget ได้ถ่ายทอดออกมาอย่างงดงามใน Essentia นาฬิกาที่มาพร้อมตัวเรือนทรงอิสระ ไม่สมบูรณ์แบบตามขนบ แต่กลับเปี่ยมด้วยเอกลักษณ์เฉพาะ

สำหรับนาฬิการุ่นใหม่นี้ โดดเด่นด้วยหน้าปัดหินเทอร์ควอยซ์ที่อัดแน่นไปด้วยมิติของสีสันและอัตลักษณ์อันเป็นธรรมชาติ ล้อมกรอบด้วยทองคำและเพชร ที่ขัดเงาอย่างประณีตจนสะท้อนประกายดุจงานศิลป์ ตัวเรือนรูปโค้งเว้าดั่งระลอกคลื่นต่อเนื่องเข้าสู่สายนาฬิกาทองคำ ที่สานเป็นข้อเล็กใหญ่รับกับข้อมือโอบกระชับเสมือนเครื่องรางล้ำค่า ถ่ายทอดงานหัตถศิลป์การผลิตสายโซ่อันเป็นเอกลักษณ์ของเมซงเข้าคู่กับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติที่เปี่ยมด้วยพลังและชีวิตชีวา
นี่คืองานสร้างสรรค์ที่กล้าหาญและเปี่ยมสุขที่สุดของ “jewellery-watchmaking” หรือการประดิษฐ์นาฬิกาประดับอัญมณี — ราวกับเป็นโอต์กูตูร์สำหรับข้อมือ แต่ละชิ้นงานในคอลเลกชั่นนี้ได้เปล่งประกายความเป็นศิลปะของ Piaget ไว้ในทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความเข้มข้นของเฉดสีฟ้าบนหน้าปัดเทอร์ควอยซ์ ประกายระยิบระยับที่เกิดจากการเล่นแสงที่ตกกระทบลงบนขอบตัวเรือนสลักร่องแบบกาดรูน และประกายสะท้อนบนข้อสายขัดเงา หรือแม้แต่พื้นผิวทองคำที่ผ่านการรังสรรค์อย่างพิถีพิถัน

ทุกชิ้นล้วนเป็นบทพิสูจน์ถึงความมุ่งมั่นอันยืนยงของ Piaget ที่มีต่อหัตถศิลป์ ความคิดสร้างสรรค์และการใช้สีสันอย่างกล้าหาญ ท้าทายรากฐานที่ถือกำเนิดขึ้นตั้งแต่ทศวรรษแห่งจิตวิญญาณเสรีในยุค 1960 และถูกตีความใหม่อย่างร่วมสมัย เพื่อมอบแรงบันดาลใจแก่เหล่านักสะสมและผู้หลงใหลงานศิลป์รุ่นใหม่