Rado Centrix เสียงกระซิบบนเนินทรายแห่งความฝัน

Centrix เน้นการใช้โทนสีทอง สีเหลืองสด และสีน้ำตาล สร้างสรรค์ขึ้นมาจากไฮเทคเซรามิกและคริสตัลแซฟไฟร์อันเป็นความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ผสานรวมกับกลไกการเดินที่ล้ำสมัยและแม่นยำทำให้ Centrix รุ่นนี้พัฒนาจากรุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปีค.ศ.2010 มาไกลเหลือเกิน ทั้งวัสดุ นวัตกรรม และการดีไซน์อันงดงามส่งให้ Centrix กลายเป็นนาฬิกาเรือนหรู ที่น่าเชื่อถืออย่างไม่มีใครเทียบได้

ความโดดเด่นของ Centrix รุ่นใหม่นั้น ชัดเจนตั้งแต่แรกเห็น เริ่มจากรูปทรงโค้งมนดูอ่อนโยน วัสดุไฮเทคเซรามิกเบา ดูดี มีความทนทาน และที่พิเศษคือสัมผัสนุ่มนวลอันน่าหลงใหลที่เพิ่มมากขึ้นประหนึ่งเป็นเสียงกระซิบบนทะเนินทรายแห่งความฝัน นอกจากความอ่อนโยนที่เพิ่มขึ้นแล้ว Centrix รุ่นนี้ยังมีขนาดใหญ่ขึ้นเล็กน้อยช่องหน้าปัดกว้างขึ้น ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 39.5 มม. ด้านบนเสริมกระจกยาวจรดขอบตัวเรือน ขณะเดียวกันก็มีรุ่นเล็กเป็นอีกทางเลือก ซึ่งมาในขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 30.5 มม. ทั้งสองแบบมีความสง่างามในแบบฉบับของตัวเองตอกย้ำคำกล่าวที่ว่า “ความเรียบง่ายคือจิตวิญญาณแห่งความสง่างาม”

คริสตัลแซฟไฟร์ที่ใช้กับ Centrix รุ่นนี้เป็นคริสตัลแซฟไฟร์รูปแบบใหม่ มีความกลม ดีไซน์ขอบโค้งมน ต่างจากขอบคมๆ แบบเก่าในนาฬิกาเรือนอื่น ให้ทั้งความรู้สึกสบายตาและให้ผิวสัมผัสเรียบสบาย โดยมีการเคลือบสารกันแสงสะท้อนไว้ทั้งสองด้าน ช่วยให้มองเห็นหน้าปัดได้ชัดเจน—ส่วนพื้นผิวนั้นนักออกแบบใช้เทคนิคพิเศษทำเป็นรูปแบบซันเรย์ปั๊มแล็กเกอร์จนได้พื้นผิวเรียบลื่นสมบูรณ์แบบ Centrix มีสีหน้าปัดให้เลือกตั้งแต่สีเข้มแนวหรูหราเฉดสีเงินที่ขับผิวแบบซันเรย์ให้โดดเด่น รวมทั้งเรือนที่เล่นสีพื้นหลังให้มีทั้งความเข้มและสว่างในตัว เข้ากับดัชนีบอกเวลาของแต่รุ่นอย่างลงตัว

ความพิเศษบนหน้าปัดยังไม่หมดเท่านี้ เพราะโลโก้ Rado บน Centrix รุ่นใหม่ยังมีขนาดใหญ่ขึ้นและแบรนด์นำคำว่า “Jubilé” กลับมาอยู่บนหน้าปัดอีกครั้ง บ่งบอกถึงการนำอัญมณีล้ำค่ามาประดับไว้บริเวณดัชนีบอกเวลา ถัดลงมาด้านล่างเป็นช่องบอกวันที่ซึ่งไม่ใช่ทรงกระบอกเรียบๆ ที่หลายคนคุ้นตาอีกต่อไป เพราะ Rado ออกแบบให้มุมทั้งสี่โค้งมนสอดคล้องกับดีไซน์โดยรวมของรุ่นนี้ ส่วนตรงจุดยึดเม็ดมะยมก็มีการเลเซอร์เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น เมื่อพลิกไปด้านหลังก็จะพบกับฝาหลังดีไซน์ใหม่ใช้เลเซอร์สลักหมายเลขซีเรียล และเช่นเดียวกับนาฬิกาออโตเมติกของ Rado ทุกรุ่นคือใช้คริสตัลแซฟไฟร์เพื่อให้เราเห็นกลไกการเดินพร้อมแฮร์สปริง Nivachron TM ป้องกันสนามแม่เหล็กสำรองพลังงานได้ 48 ชั่วโมง(รุ่นเล็ก) และ 80 ชั่วโมง(รุ่นใหญ่) ทุกเรือนผ่านการทดสอบความแม่นยำถึง 5 ตำแหน่งสำหรับ Centrix รุ่นควอตซ์มีคุณสมบัติล้ำสมัยพร้อมเทคโนโลยีชิปคอมพิวเตอร์ ตรวจจับการเคลื่อนไหวกะทันหันหรือการกระแทกแล้วตอบสนองอัตโนมัติ เพื่อให้มั่นใจได้ถึงการบอกเวลาที่น่าเชื่อถือเสมอ ปิดท้ายด้วยคุณสมบัติเด่นอีกหนึ่งอย่างของนาฬิกาควอตซ์คือมีความแม่นยำสูงมาก ไม่ว่าอุณหภูมิหรือความชื้นจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรก็ไม่มีผลใดๆ ต่อการทำงานทั้งสิ้น

นอกจากตัวเรือนแล้ว องค์ประกอบส่วนอื่นก็ได้รับการออกแบบและตรวจสอบอย่างประณีตทุกขั้นตอน แบรนด์ปรับสายนาฬิกาให้เข้ากับรูปทรงของตัวเรือนอย่างงดงาม แทนที่ตัวล็อกแบบเดิมด้วยหัวสายบักเคิ้ลแบบพับสามทบเพิ่มความปลอดภัยให้ Centrix รุ่นใหม่ ทำให้นาฬิกาเรือนนี้พร้อมขึ้นแท่นเป็นนาฬิกาเรือนโปรดของทุกคนทันที


LATEST ARTICLES
TOP Share
Social