Rado Anatom + Centrix เริ่มต้นศักราชใหม่อย่างมีสไตล์กับ Rado

Rado Anatom + Centrix เริ่มต้นศักราชใหม่อย่างมีสไตล์กับ Rado

Rado พร้อมพาทุกคนออกสตาร์ทปีใหม่อย่างมีสไตล์ด้วยนาฬิกาสองรุ่นที่โดดเด่นมากในมิติที่ต่างกัน

เรือนแรกนั้นขึ้นชื่อด้านดีไซน์ที่สอดรับกับร่างกายมนุษย์อย่างลงตัวที่สุด สมชื่อรุ่น “Anatom” ซึ่งเคยประสบความสำเร็จอย่างสูงมาแล้วเมื่อ 40 ปีก่อน อีกหนึ่งเรือนคือนาฬิกาในฝันของผู้หญิงทุกคนอย่าง “Centrix” ซึ่งได้ Ash Barty อดีตนักเทสนิสหญิงมือวางอันดับ 1 ของโลก มาถ่ายทอดความงดงามให้ โดยนาฬิกาทั้งสองเรือนนี้มีจุดเชื่อมโยงอยู่ที่การออกแบบอันเป็นเลิศและการใช้วัสดุล้ำสมัยที่แข็งแกร่งที่สุดเหมือนกัน เป็นการเปิดประวัติหน้าใหม่แห่งความมีสไตล์ให้ Rado อีกครั้ง

เป็นที่รู้กันดีว่า Rado เป็นผู้บุกเบิกและผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุ แต่ในอีกมุมหนึ่ง Rado ก็เป็นผู้บุกเบิกด้านรูปทรงและการออกแบบด้วย เพราะในจักรวาลนาฬิกายุคหนึ่ง หน้าปัดบอกเวลาบนโลกนี้ล้วนเป็นทรงกลม แต่ทีมออกแบบ วิศวกร และนักวิจัยของ Rado กล้าที่จะสร้างความแตกต่าง โดยรังสรรค์นาฬิกาทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าเรือนแรกของแบรนด์ออกมาในปีค.ศ.1967 นั่นคือ Manhattan ก่อนที่ปีค.ศ.1983 จะเปิดตัว Rado Anatom ขึ้น ซึ่งจากชื่อคอลเลคชันหลายคนอาจคิดว่ามาจากคำว่า Anatomy หรือกายวิภาคเท่านั้น แต่จริงๆ แล้ว ในคำนี้ยังมีคำว่า “Atom” แห่งอนาคตแฝงอยู่ด้วยสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ของ Rado ที่อยากหลอมรวมนาฬิกาเข้ากับร่างกายมนุษย์อย่างเป็นธรรมชาติ และอยากรังสรรค์สไตล์ที่คงอยู่ได้ชั่วนิรันดร์ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม

Rado Anatom เรือนแรกเป็นสีเงิน ผลิตจากโลหะแข็งผสมคริสตัลแซฟไฟร์ ซึ่ง ณ เวลานั้นถือเป็นวัสดุที่แข็งแกร่งที่สุด แบรนด์ออกแบบนาฬิกาเรือนนี้ขึ้นตามหลักสรีระศาสตร์ ให้ตัวเรือนมีความโค้งกลมกลืนกับข้อมือ ใส่สบาย และดูงดงาม จน Anatom ก็ก้าวขึ้นมาเป็นนาฬิกาที่ไม่เพียงทนทานต่อความเสียหายเท่านั้น แต่ยังมีสไตล์ที่อยู่เหนือกาลเวลาอย่างแท้จริงเพราะแม้เวลาจะผ่านมากว่า 40 ปีแล้ว นาฬิกา Anatom รุ่นแรกๆ หลายแสนเรือนที่ Rado เคยผลิตออกมาก็ยังคงดูร่วมสมัยจนถึงทุกวันนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Rado สร้างสรรค์นาฬิกาที่สง่างามและน่าทึ่งมาตลอดโดยให้ความสำคัญกับทั้งดีไซน์ เทคนิคการผลิตและวัสดุ ไม่เคยละทิ้งความสำคัญด้านไหนเลย ซึ่งการกลับมาของคอลเลคชัน Anatom ในปีนี้ก็เช่นกัน ที่ผสานรวมความสุดยอดรอบด้าน

เริ่มต้นด้วย วัสดุตัวเรือนที่ใช้ไฮเทคเซรามิกสีดำด้านกับคริสตัลแซฟไฟร์ ซึ่งแข็งแกร่งในระดับที่แทบจะทำลายไม่ได้ ตัวคริสตัลแซฟไฟร์เจียระไนเป็นมุมเอียง และใช้เทคนิคการขึ้นรูปด้วยเครื่องมือที่ใช้กับเพชรล้ำค่า โดยเป็นแบบที่เรียกว่าขอบจรดขอบ (ไร้กรอบ) ดูโค้งมนสอดรับกับข้อมืออย่างสมบูรณ์แบบ ปิดท้ายด้วยการเคลือบสารป้องกันแสงสะท้อนไว้ด้านใน ส่วนพื้นหลังหน้าปัดมีให้เลือก 3 สีคือ สีน้ำเงินล้ำลึก สีเขียว และสีคอนยัค (น้ำตาลอมส้ม) และที่พิเศษที่สุดคือ Anatom Limited Edition ฉลอง 40 ปี ตัวเรือนสีดำสนิทประดับเพชร Jubilé 11 เม็ดบริเวณดัชนีบอกเวลา ฝาหลังตัวเรือนเป็นสแตนเลสและคริสตัลแซฟไฟร์โปร่งใส มองเห็นกลไกออโตมาติกคาลิเบอร์ R766 ที่บางพิเศษ มาพร้อมแฮร์สปริง Nivachron TM ป้องกันสนามแม่เหล็กที่มีอยู่รอบตัวเราในชีวิตประจำ ช่วยให้ Anatom บอกเวลาได้แม่นยำมากในทุกสภาพแวดล้อม จึงผ่านการทดสอบระดับความแม่นยำที่มาตรฐานระบุไว้ว่า ต้องผ่านความแม่นยำ 3 ตำแหน่ง แต่ Anatom ทำได้ถึง 5 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ ยังมีคุณสมบัติสำรองพลังงานได้สูงสุด 72 ชั่วโมง และกันน้ำได้ 5 บาร์ หรือ 50 เมตร ตัวสายนาฬิกาปรับมาใช้ยางเพื่อให้มีกลิ่นอายความสปอร์ตนิดๆ ดูโมเดิร์นกว่าเดิม แต่ยังคงใช้ตัวล็อกสแตนเลสที่มีความทนทาน พร้อมฝาปิดตัวล็อกไฮเทคเซรามิกสีดำด้านเช่นเดียวกับตัวเรือน

ส่วนนาฬิกาอีกรุ่นหนึ่งที่ Rado ส่งมามอบช่วงเวลาดีๆ อันน่าจดจำในปีใหม่นี้คือ Centrix ซึ่งได้ Ash Barty มาถ่ายทอดความงามและความหมายอันยิ่งใหญ่ผ่านแคมเปญ Master of My Own Material ที่ไม่เพียงเล่าถึงความสำเร็จในชีวิตของอดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกเท่านั้น แต่ยังสื่อสารถึงหน้าที่อันยิ่งใหญ่ของผู้หญิงอย่างความเป็นแม่ ซึ่งทั้งแข็งแกร่งและทรงคุณค่าเหมือนนาฬิกาชั้นเลิศอย่าง Centrix

หาก Anatom คือตัวแทนของนาฬิกาหน้าปัดสี่เหลี่ยม ก็อาจเรียกได้ว่า Centrix เป็นตัวแทนของนาฬิกาหน้าปัดกลมมนของผู้หญิง ดูนุ่มนวล น่าหลงใหล ตัวเรือนของ Centrix เป็นสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์แบบขัดเงา หน้าปัดมีเอฟเฟกต์ 3D อันหรูหรา ดัชนีบอกเวลาทั้ง 12 ตำแหน่งประดับเพชร Top Wesselton เข็มนาฬิกาทั้งหมดเป็นสีโรสโกลด์แมตช์กับตัวเรือน สายนาฬิกาผสมผสานระหว่างไฮเทคเซรามิกสีขาวบริเวณข้อต่อ กับสแตนเลสเคลือบ PVD สีโรสโกลด์ ส่วนกลไกภายในใช้คาลิเบอร์ R763 ที่เรามองเห็นได้ผ่านคริสตัลแซฟไฟร์บริเวณฝาหลัง นอกจากนี้ยังมีแฮร์สปริงเช่นเดียวกับรุ่น Anatom สำรองพลังงานได้ยาวนานถึง 80 ชั่วโมง และกันน้ำได้ลึก 5 บาร์ หรือ 50 เมตร

ปีใหม่นี้ไม่ว่าจะเลือกนาฬิกาทรงเหลี่ยมเรือนไหนจากคอลเลคชัน Anatom หรือ เลือกใส่นาฬิกากลมมนอย่าง Centrix ก็มั่นใจได้ว่าทุกเรือนล้วนโดดเด่น ดูสง่า งดงาม และพร้อมอยู่ในทุกช่วงเวลาดีๆ ของทุกคนไปอย่างยาวนาน เพราะคุณสมบัติแข็งแรงทนทาน สมความเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุตลอดกาลของ Rado


LATEST ARTICLES
TOP Share
Social