เพียเจต์ (Piaget) เปิดตัวคอลเลคชั่น high jewellery ใหม่ล่าสุด "Golden Oasis"

Golden Oasis คอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงล่าสุด ที่ เพียเจต์ (Piaget) ตั้งใจนำเสนอแรงบันดาลใจของทิวทัศน์ทะเลทรายในหลากหลายช่วงเวลา เพื่อเฉลิมฉลองให้กับความมหัศจรรย์ของธรรมชาติ Golden Oasis จึงหยิบ 3 มุมมองไฮไลท์อย่าง Play of Lights, Desert Minerals และNative Bloom มาเป็นเครื่องสะท้อนการใช้ชีวิตโดยผสานหัตถศิลป์และจินตนาการอันสร้างสรรค์ไว้ในทุกรายละเอียด

และด้วยปรัชญาที่แน่วแน่ของแบรนด์ ประกอบกับทักษะฝีมืออันเลื่องชื่อ เพียเจต์จึงคงเป็นผู้นำในฐานะแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาและเครื่องประดับชั้นสูงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 140 ปี โดยกลุ่มคอลเลคชั่นจิวเวลรี่ชั้นสูงถือเป็นสไตล์ที่เมซงถนัดและมีความโดดเด่นมากที่สุด ดังจะเห็นได้จากการหลอมรวมโลหะมีค่า อัญมณีบริสุทธิ์ เข้ากับนวัตกรรมการออกแบบ จนเกิดเป็นสุดยอดงานศิลป์ที่ยากจะเลียนแบบ

โมเมนต์ที่ดวงอาทิตย์เริ่มพ้นจากขอบฟ้าไปจนถึงราตรีที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว คือช่วงเวลาอันแสนวิเศษของท้องฟ้าเหนือทะเลทราย ที่ถูกนำมาร้อยเรียงเป็นชิ้นงานใหม่ภายใต้ธีม Play of Lights โดยเน้นการรังสรรค์ผ่านประกายงามของหินล้ำค่าและทองเป็นหลัก

GOLDEN HOUR

ชั่วขณะที่ดวงอาทิตย์ขึ้นสู่จุดสูงสุด ทุกพื้นที่ก็ถูกเติมเต็มด้วยไออุ่นของแสงแดดที่มาหยอกเย้า Golden Hour จึงหยิบความงามที่เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาของผืนทรายที่เปล่งประกายยามต้องแสงมาถ่ายทอดลงบนชิ้นงานเหล่านี้ โดยเพชรทั้งหมดใช้เวลาในการเสาะแสวงหานานกว่า 1 ปี ก่อนที่จะใช้เวลาอีก 450 ชั่วโมงในการประดับอัญมณีล้ำค่าเหล่านี้ด้วยหัตถศิลป์ที่เชี่ยวชาญ

Golden Hour necklace

บนตัวเรือนแพลตินัมและเยลโลว์โกลด์ 18 กะรัต ดึงดูดสายตาด้วยเพชรแฟนซีสีเหลืองเข้มขนาด 6.63 กะรัต

เพชรแฟนซีสีเหลืองเข้มถือเป็นเพชรหายากมากตามธรรมชาติ เมื่อเทียบสัดส่วนจะพบว่าในเพชรธรรมดา 10,000 กะรัต มีเพียง 1กะรัตเท่านั้นที่ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเพชรสีแฟนซี ซึ่งอาจเป็นสีน้ำเงิน เขียว ม่วง เหลือง หรือสีอื่นๆก็ได้ ซึ่งจากกลุ่มนี้เองจะมีเพียง 6% ของเพชรแฟนซีสีเหลืองที่ถูกแบ่งเกรดให้เป็นเพชรที่มีสีเข้ม

ตัวแทนบทกวีแด่ดวงอาทิตย์ที่มอบความอบอุ่นให้กับพื้นโลก โดยหยิบเอาช่วงเวลาแสนสั้นก่อนดวงอาทิตย์ขึ้นและแสงสุดท้ายก่อนยาตราสู่ขอบทะเลทรายมารังสรรค์ ส่วนผสมที่ลงตัวของเพชรสีเหลืองอ่อนและ สีขาวถูกนำมาตีความถึงแสงที่จับต้องได้ยากในช่วง Golden Hourขณะที่เพชรสีเหลืองเข้มสะท้อนถึงทะเลทรายที่เปล่งประกาย

นอกจากนี้ยังตกแต่งด้วยเพชรสีเหลืองอ่อนทรงมาร์คีส์ ที่แต่ละเม็ดผ่านการเจียระไนพิเศษ เพื่อจำลองความงดงามของรัศมีดวงอาทิตย์นั่นเอง

ร่วมเฉลิมฉลองการใช้ชีวิตแบบไม่ปรุงแต่งกับผลงานภายใต้ธีม Desert Minerals ที่พรรณนาผ่านพาเลตต์สี ดีไซน์ที่โดดเด่น และรูปทรงที่สลับซับซ้อน โดยมีตัวละครหลักอย่าง เพชร ทับทิม และแซฟไฟร์ ทำหน้าที่บอกเล่าถึงฉากหลังอันเงียบสงบ หินที่อาบไปด้วยแดด และความอัศจรรย์ของน้ำสีฟ้าอมเขียวที่มอบความสดชื่นให้กับพื้นโลก

Blue waterfall

Blue Waterfall หยิบแรงบันดาลใจจากทัศนียภาพอันงดงามของน้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในสถานที่มหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่เต็มไปด้วยหินผาและหุบเหว โดดเด่นด้วยแซฟไฟร์สีน้ำเงินที่ตัดรับกับความเจิดจรัสของเพชรน้ำงาม สื่อถึงแสงสะท้อนของแดดบนละอองน้ำนับล้านได้เป็นอย่างดี

Blue Waterfall necklace

รังสรรค์บนตัวเรือนไวท์โกลด์ 18 กะรัต ประดับแซฟไฟร์สีน้ำเงินทรงหมอนขนาด 14.61 กะรัต เจียระไนแบบพิเศษเพื่อให้ระดับสีของอัญมณีเปล่งประกายเท่ากันทั่วทั้งกะรัต

โดยนักอัญมณีศาสตร์ของแบรนด์ยังลงความเห็นให้แซฟไฟร์สีน้ำเงินเป็นแซฟไฟร์มาดากัสการ์ที่สวยที่สุดเท่าที่เคยเห็นมาอีกด้วย

สวมใส่ได้สองสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นปล่อยแนบไปกับลำคอเพื่ออวดโฉมจี้ดีไซน์ระย้าที่สื่อถึงธารน้ำไหล หรือเลือกถอดจี้ออกก็ได้เช่นกัน

มาถึง Blue Waterfall watch กับขอบตัวเรือนประดับแซฟไฟร์ทรงมาร์คีส์ ที่ออกแบบให้โอบล้อมหน้าปัดมุกสีขาวไว้อย่างเข้ากัน โดยเพียเจต์คัดสรรมุกขนาดใหญ่และดีที่สุด ซึ่งมีลักษณะสีขาวที่โดดเด่น ปราศจากการแต่งสี เรียกได้ว่าเป็นความสง่างามที่เปี่ยมด้วยคุณภาพขั้นสูงที่ธรรมชาติสรรสร้างขึ้นโดยเฉพาะ

ตัวเรือนทำจากไวท์โกลด์ 18 กะรัต โดดเด่นด้วยสายรัดข้อมือที่รังสรรค์ด้วยเทคนิคการแกะสลักทองแบบปาลาซ หนึ่งในซิกเนเจอร์เลื่องชื่อของเมซง เทคนิคดังกล่าวนอกจากจะแกะสลักอย่างประณีตด้วยมือแล้ว ลวดลายที่เกิดขึ้นยังถูกเชื่อมโยงไว้อย่างมีเอกลักษณ์ สะท้อนถึงชั้นหินที่เรียงตัวสลับไปมาในทะเลสาบ ทั้งยังตัดกับสีน้ำเงินของแซฟไฟร์เม็ดงามได้อย่างลงตัว

Secret Water watch

หยิบแรงบันดาลใจมาจากภาพสะท้อนของท้องฟ้าบนผืนน้ำ โดยเมซงเลือกหินล้ำค่าขึ้นชื่อตั้งแต่ยุค 60s อย่าง โอปอล มาถ่ายทอดจินตนาการอีกครั้ง

มีครั้งหนึ่ง M. Yves G. Piaget กล่าวว่า “หินล้ำค่าที่สะท้อนภาพความสมบูรณ์ของโลกได้อย่างเด่นชัดก็คือ โอปอล เพราะประกอบไปด้วยคริสตัลที่มีความหลากหลาย ซึ่งในมุมของเพียเจต์ โลกก็เต็มไปด้วยความแตกต่างหลากมิติเช่นกัน”

สายนาฬิการังสรรค์ด้วยเทคนิคการแกะสลักทองแบบปาลาซ มอบความงดงามราวกับภาพสะท้อนของเนินทะเลทรายน้อยใหญ่ที่ถูกแต่งแต้มโดยสายลม โดดเด่นด้วยพื้นหน้าปัดแบล็คโอปอลประดับเพชร บนตัวเรือนพิ้งค์โกลด์ 18 กะรัต

ว่ากันว่าแหล่งคุณภาพที่ดีที่สุดสำหรับแบล็คโอปอลก็คือ ออสเตรเลีย เพราะประกายงามที่ได้มีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง, สีเขียว และน้ำเงิน ซึ่งการเล่นสีจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับโครงสร้างของหินแต่ละชิ้นเป็นหลัก โอปอลที่มี Silica Spheres ขนาดเล็กจะปรากฎเป็นสีน้ำเงิน ขณะที่ Spheres ขนาดใหญ่จะปรากฎเป็นสีแดง นอกจากนี้ยังรวมไปถึงปัจจัยอย่าง มุมมองที่แสงตกกระทบ ด้วยเช่นกัน

Native bloom รังสรรค์เพื่อเป็นเกียรติให้กับธรรมชาติที่ออกแบบได้งดงามไร้ที่ติ โดยหยิบเอา การเผชิญหน้าอันแสนท้าทายระหว่างพืชทะเลทรายและความยากลำบากมาเป็นแรงบันดาลใจ

Luxuriant Oasis

Luxuriant Oasis อีกหนึ่งธีมที่เผยให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของธรรมชาติ – เป็นเหมือนสวรรค์อันเงียบสงบ ที่มอบความรู้สึกสดชื่นแม้อยู่ท่ามกลางความร้อนระอุของทะเลทราย ใช้เวลากว่า 1 ปี ในการแสวงหามรกตชั้นเลิศ โดยทั้งหมดต้องเป็นมรกตสีเขียวเฉดเข้ม และเปี่ยมด้วยความบริสุทธิ์เท่านั้น

Luxuriant Oasis necklace

ร้อยเรียงอย่างบรรจงทีละแถวด้วยมรกตทรง มาร์คีส์ที่บอกเล่าถึงโอเอซิสอันเขียวชอุ่ม ก่อนผสานเข้ากับเส้นสายที่โค้งเว้าที่สื่อถึงชายฝั่งอันคดเคี้ยวได้อย่างลงตัว ซึ่งทั้งหมดตกแต่งด้วยเพชรบริลเลียนต์คัตรวม 3.01 กะรัต

โดดเด่นด้วยเพชรทรงลูกแพร์ขนาดใหญ่ 1 เม็ด ที่ออกแบบให้สามารถถอดออกมาเป็นจี้ เพื่อสวมใส่กับสร้อยไวท์โกลด์ได้อีกด้วย

ทรงมาร์คีส์นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากรอยยิ้มของหญิงสาว ถือเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์เลื่องชื่อของเมซง โดยแต่ละเม็ดต้องผ่านการเจียระไนโดยใช้หินล้ำค่าขนาดใหญ่เท่านั้น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์เป็น 55 เหลี่ยมตามที่ต้องการ และมอบประกายงามที่แตกต่างกันไปอีกด้วย

ปิดท้ายด้วย Vegetal Laces ear cuffประดับเพชรและมรกตสีเขียวในดีไซน์ที่จำลองความงามของพรรณพืชทะเลทรายอย่าง อากาเว่ ไว้ครบครัน รังสรรค์บนไวท์โกลด์ 18 กะรัตพร้อมตกแต่งด้วยมรกตทรงลูกแพร์ขนาด 1.45กะรัต จากโคลอมเบีย

สัมผัสเรือนเวลาและเครื่องประดับชั้นสูงจากเพียเจต์ (Piaget) ได้แล้ววันนี้ ณ เพียเจต์ บูติค โดย เอส ที ไดเมนชั่น ชั้น M สยามพารากอน โทร. 02-610-9678


LATEST ARTICLES
TOP Share
Social